ผมจึงอยากค้นหา “ลักษณะนิสัยของคนไทย” ที่มีผู้เขียนไว้ วิจัยไว้หลายคน รวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านและวิเคราะห์เอาเองว่า เป็นดั่งที่ “พระเจ้าคิด หรือ ผู้เขียนนิทานคิด” หรือไม่อย่างไร
ผู้เขียน ได้อ่านเรื่องขำๆ เล็กน้อย จากหนังสือพิมพ์และยังได้ยินคนเล่าเป็นนิทานสนุกๆ ให้ฟังหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน จึงใคร่ของนำนิทานเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังอีกสักครั้ง ใครที่ได้ยินแล้วก็คงไม่ว่ากัน แต่อาจมีหลายๆ คนที่ยังไม่ได้ยิน เมื่ออ่านดูแล้วลองนำมาพินิจพิจารณาดูว่าจริงตามที่ผู้เขียนนิทานเรื่องนี้ไหม ถ้าจริงแล้วเราจะแก้ไขอย่างไร
นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “พระเจ้าสร้างโลก” พระเจ้าท่านต้องการให้โลกนี้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เพื่อแสดงถึงความเป็นประชาธิปไตยและมีความยุติธรรม เดินทางไปถึงที่ไหนก็จะทำตรงนั้นเกิดความสมดุลย์ ครั้งหนึ่งได้เดินทางผ่าน ประเทศแคนาดา ท่านเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามมาก ชื่อว่า “น้ำตกไนแอการ่า” ซึ่งสวยมากและมีคนมาเที่ยวกันมาก
เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ ท่านก็ให้ ประเทศแคนาดา มีความหนาวเย็น จากนั้นท่านก็เดินทางไป ประเทศ สหรัฐอเมริกา เห็นเป็นประเทศที่มีความกว้างใหญ่ไพศาล มีเทือกเขา แกรนแคนยอน มีธรรมชาติสวยสดงดงาม ประชากรอยู่กันแบบประชาธิปไตย อย่างมีความสุข เพื่อให้เกิดความสมดุลย์และมีความเป็นธรรม ท่านจึงมอบ “พายุทอร์นาโด” มาให้
นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “พระเจ้าสร้างโลก” พระเจ้าท่านต้องการให้โลกนี้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เพื่อแสดงถึงความเป็นประชาธิปไตยและมีความยุติธรรม เดินทางไปถึงที่ไหนก็จะทำตรงนั้นเกิดความสมดุลย์ ครั้งหนึ่งได้เดินทางผ่าน ประเทศแคนาดา ท่านเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามมาก ชื่อว่า “น้ำตกไนแอการ่า” ซึ่งสวยมากและมีคนมาเที่ยวกันมาก
เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ ท่านก็ให้ ประเทศแคนาดา มีความหนาวเย็น จากนั้นท่านก็เดินทางไป ประเทศ สหรัฐอเมริกา เห็นเป็นประเทศที่มีความกว้างใหญ่ไพศาล มีเทือกเขา แกรนแคนยอน มีธรรมชาติสวยสดงดงาม ประชากรอยู่กันแบบประชาธิปไตย อย่างมีความสุข เพื่อให้เกิดความสมดุลย์และมีความเป็นธรรม ท่านจึงมอบ “พายุทอร์นาโด” มาให้
จากนั้นพระเจ้าก็เดินทางไป ประเทศตะวันออกกลาง และได้เห็นประชากรอยู่กันด้วยความยากลำบาก ทำมาหากินก็ยาก อากาศก็ร้อนแบบสุดๆ พระเจ้าจึงประทานให้ ประเทศตะวันออกกลาง มีน้ำมันเป็นจำนวนมากอยู่ใต้แผ่นดิน จากนั้นพระเจ้าก็เดินทางข้ามเทือกเขาหิมาลัย ปรากฎว่า ย่ามใส่เวทย์มนต์ไปปะทะยอดเขาหิมาลัย จึงทำให้เวทย์มนต์ตกลงมาใน ประเทศไทย จนทำให้เต็มไปด้วยทรัพยากรนานาชนิด ดั่งคำที่ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” พืชผักผลไม้มากมาย มีทะเล ป่า เขา น้ำตก ทุกอย่างสมบูรณ์ ภัยพิบัติต่างๆ ก็ไม่มี ประเทศไทยคงจะรุ่งเรืองกว่าประเทศใดๆ ในโลกนี้ พระเจ้าทรงคิดอยู่พักหนึ่ง จึงคิดขึ้นได้ว่า ถ้าจะให้เกิดความเป็นธรรม “จึงต้องเอาคนไทยมาอยู่”
เมื่อผมอ่านจบตอนแรกก็มิได้คิดอะไร สักพักถึงคิดออก แล้วมาขำอยู่ในใจว่า ใครเป็นคนแต่งนิทานเรื่องนี้ ช่างมีความคิดความอ่านและคงฉงนในใจว่า ประเทศเรามีทุกอย่างแล้ว ทำไมถึงไม่เจริญสักที ทั้งๆ ที่ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวในโลกนี้มองว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ธรรมชาติทางทะเล ป่า ภูเขา น้ำตก ก็สุดจะสวยงาม อากาศก็ดี ราคาสินค้า ค่าเงินก็ถูก แต่ทำไมความเจริญยังไปช้ามาก ความขัดแย้งของคนไทยเองก็กระจายไปทั่วทุกภูมิภาค การโกงกินและคอรัปชั่น ยังคงมีอย่างกว้างขวาง ผู้เขียนมาพิจารณาในใจคนเขียนนิทานเรื่องนี้ อาจจะอยากบอกพวกเราว่า “ลักษณะนิสัย คนไทย คือตัวปัญหา”
ผมจึงอยากค้นหา “ลักษณะนิสัยของคนไทย” ที่มีผู้เขียนไว้ วิจัยไว้หลายคน รวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านและวิเคราะห์เอาเองว่า เป็นดั่งที่ “พระเจ้าคิด หรือ ผู้เขียนนิทานคิด” หรือไม่อย่างไร
โครงสร้างของสังคมไทย โดย John Embree
ลักษณะโครงสร้างทางสังคมไทย 4 ประการ
1.มีความเป็นปัจเจกชนนิยมสูง (Individualism) ลักษณะตัวใครตัวมัน อิสระชน ไม่ชอบถูกบีบบังคับ ไม่ค่อยมีวินัย สอดคล้องกับการเลี้ยงลูกในวัยเด็ก
2.ไม่ชอบถูกผูกมัด ไม่ชอบวางแผนในระยะยาว (Long-term obligation) ไม่ชอบป้องกันปัญหา เป็นพวกปฏิบัตินิยม ชอบทำงานเฉพาะกิจ ทำให้ไม่มีพลังในการรวมกลุ่มทางสังคมในระยะยาว
โครงสร้างของสังคมไทย โดย John Embree
ลักษณะโครงสร้างทางสังคมไทย 4 ประการ
1.มีความเป็นปัจเจกชนนิยมสูง (Individualism) ลักษณะตัวใครตัวมัน อิสระชน ไม่ชอบถูกบีบบังคับ ไม่ค่อยมีวินัย สอดคล้องกับการเลี้ยงลูกในวัยเด็ก
2.ไม่ชอบถูกผูกมัด ไม่ชอบวางแผนในระยะยาว (Long-term obligation) ไม่ชอบป้องกันปัญหา เป็นพวกปฏิบัตินิยม ชอบทำงานเฉพาะกิจ ทำให้ไม่มีพลังในการรวมกลุ่มทางสังคมในระยะยาว
3.มีความยืดหยุ่นสูง (Flexibility) เปลี่ยนอะไรได้ง่าย ไม่ชอบป้องกันปัญหา แต่แก้ปัญหาเก่ง แก้ไขสถานการณ์ได้ มีพลวัตร ปรับตัวเก่ง
4.เข้าใจกฎระเบียบและกติกาทางสังคม รู้ว่าเป็นหน้าที่ใคร แต่มักจะละเมิด แสดงว่า เขามีกระบวนการทางสังคมดี แต่สังคมไม่มีการลงโทษผู้ละเมิด การลงโทษทางสังคมไม่เข้มแข็ง เบาบางมาก ไม่จริงจัง ทำให้ไม่มีความกระตื้อรือร้นที่จะทำความดี ความถูกต้อง เป็นลักษณะอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยแล้วแต่กรรมเวร
4.เข้าใจกฎระเบียบและกติกาทางสังคม รู้ว่าเป็นหน้าที่ใคร แต่มักจะละเมิด แสดงว่า เขามีกระบวนการทางสังคมดี แต่สังคมไม่มีการลงโทษผู้ละเมิด การลงโทษทางสังคมไม่เข้มแข็ง เบาบางมาก ไม่จริงจัง ทำให้ไม่มีความกระตื้อรือร้นที่จะทำความดี ความถูกต้อง เป็นลักษณะอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยแล้วแต่กรรมเวร
หนังสือ Thai culture and Behavior โดย ศจ.Ruth Benedict
พบว่า
1.คนไทยเฉย เฉื่อยชา
2.คนไทยรักสนุก รักสบาย และ คนไทยใจเย็น
3.คนไทยไม่ทำอะไรรุนแรง
4.คนไทยผู้ชายมักจะเป็นผู้ทำ คือจะมีสมรรถนะทางสังคมไม่เท่ากัน
พบว่า
1.คนไทยเฉย เฉื่อยชา
2.คนไทยรักสนุก รักสบาย และ คนไทยใจเย็น
3.คนไทยไม่ทำอะไรรุนแรง
4.คนไทยผู้ชายมักจะเป็นผู้ทำ คือจะมีสมรรถนะทางสังคมไม่เท่ากัน
พฤติกรรมคนไทยในชนบท โดยทีมงาน ศจ.Sharp และ คณะ Professor Herbert Phillips จากมหาวิทยาลัย Cornell
1. คมไทยชอบมีปฎิสัมพันธ์สูง (Take Pleasure in Social Interaction)
2. สังคมราบเรียบ (Social Harmony)
3. คนไทยไม่ชอบขัดแย้ง,ไม่ชอบการเผชิญหน้า (Avoid Face – to -Face Conflict)
4. คนไทยใช้เครื่องสำอางทางสังคม (Social Cosmetic)
5. คนไทยเป็นอิสระทางจิต (Psychic Independent)
6. คนไทยเป็นปัจเจกบุคลสูง (High Individual)
7. คนไทยมีความเกรงใจ ไม่ทำการฉีกหน้าคนอื่น
8. คนไทยไม่ชอบผูกพันในระยะยาว ชอบงานเฉพาะกิจ
9. คนไทยรักสนุก ทำให้อารมณ์ดี
10. คนไทยไม่ชอบการวางแผน ชอบเป็นนักปฏิบัติ
11. คนไทยชอบแก้ปัญหา ไม่ชอบป้องกันปัญหา
1. คมไทยชอบมีปฎิสัมพันธ์สูง (Take Pleasure in Social Interaction)
2. สังคมราบเรียบ (Social Harmony)
3. คนไทยไม่ชอบขัดแย้ง,ไม่ชอบการเผชิญหน้า (Avoid Face – to -Face Conflict)
4. คนไทยใช้เครื่องสำอางทางสังคม (Social Cosmetic)
5. คนไทยเป็นอิสระทางจิต (Psychic Independent)
6. คนไทยเป็นปัจเจกบุคลสูง (High Individual)
7. คนไทยมีความเกรงใจ ไม่ทำการฉีกหน้าคนอื่น
8. คนไทยไม่ชอบผูกพันในระยะยาว ชอบงานเฉพาะกิจ
9. คนไทยรักสนุก ทำให้อารมณ์ดี
10. คนไทยไม่ชอบการวางแผน ชอบเป็นนักปฏิบัติ
11. คนไทยชอบแก้ปัญหา ไม่ชอบป้องกันปัญหา
ลักษณะนิสัยคนไทยในสายตาของผู้บริหารญี่ปุ่น
1.คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก
2.การศึกษาล้มเหลว ไม่สร้างคน เพื่อสร้างชาติ
3.คนไทยมองอนาคตไม่เป็น มากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคต
4.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่
5.การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่
6.การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มแข็ง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก
7.อิจฉาตาร้อน ยกย่องผู้มีอำนาจ มีเงิน พลิ้วเป็นศรีธนญชัย
8.เอ็นจีโอค้านลูกเดียว
9.ไม่พร้อมในเวทีโลก ขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดี
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น เด็กไทยขาดความอดทน ขาดภูมิคุ้มกัน เป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ค้นหาตัวเอง และไม่สอนให้มีความรับผิดชอบทางสังคม
1.คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก
2.การศึกษาล้มเหลว ไม่สร้างคน เพื่อสร้างชาติ
3.คนไทยมองอนาคตไม่เป็น มากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคต
4.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่
5.การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่
6.การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มแข็ง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก
7.อิจฉาตาร้อน ยกย่องผู้มีอำนาจ มีเงิน พลิ้วเป็นศรีธนญชัย
8.เอ็นจีโอค้านลูกเดียว
9.ไม่พร้อมในเวทีโลก ขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดี
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น เด็กไทยขาดความอดทน ขาดภูมิคุ้มกัน เป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ค้นหาตัวเอง และไม่สอนให้มีความรับผิดชอบทางสังคม
ผลการวิจัยของฝรั่งเศสต่อสังคมไทย
ลักษณะนิสัยคนไทย 4 ประการ ที่เป็นอุปสรรคต่อความเจริญของประเทศ
1.ขี้เกียจ
2.ขี้โกง
3.ขี้อิจฉา
4.ขี้โอ้ ขี้อวด
จากลักษณะนิสัยทั้ง 4 นี้ ถือเป็นอุปสรรคต่อความเจริญ ต่อการสร้างชาติ ก่อให้เกิดความแตกแยก ขัดแย้ง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราเคยมีความเจริญรุ่งเรืองมากทั้งในเอเซียและอาเซียนจนเกือบจะเป็นเสือตัวที่ 4 ของเอเซีย แต่ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ กำลังก้าวรุดหน้าไปมากในทุกด้าน แต่ประเทศไทยเรากำลังติดอยู่กับอุปสรรคพื้นๆ จนจะกลายเป็นสนิมขุมที่กัดเกาะติดอยู่ในหัวใจของคนทั้งชาติไปแล้ว โดยเฉพาะการโกงกิน คอร์รัปชั่น และ ความอิจฉาริษยา แล้วประเทศจะเหลืออะไร ความขัดแย้งแบ่งฝ่ายกับทวีมากยิ่งขึ้น
ผมขอฝากถึงผู้อ่านทุกท่านและผู้ปกครองบ้านเมือง เรามาช่วยกันเยียวยารักษาโรคดังกล่าว ด้วยการสร้างจิตสำนึก เพื่อร่วมกันปรับเปลี่ยนประเทศให้กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่แบบเดิมๆ นะครับ
ลักษณะนิสัยคนไทย 4 ประการ ที่เป็นอุปสรรคต่อความเจริญของประเทศ
1.ขี้เกียจ
2.ขี้โกง
3.ขี้อิจฉา
4.ขี้โอ้ ขี้อวด
จากลักษณะนิสัยทั้ง 4 นี้ ถือเป็นอุปสรรคต่อความเจริญ ต่อการสร้างชาติ ก่อให้เกิดความแตกแยก ขัดแย้ง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราเคยมีความเจริญรุ่งเรืองมากทั้งในเอเซียและอาเซียนจนเกือบจะเป็นเสือตัวที่ 4 ของเอเซีย แต่ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ กำลังก้าวรุดหน้าไปมากในทุกด้าน แต่ประเทศไทยเรากำลังติดอยู่กับอุปสรรคพื้นๆ จนจะกลายเป็นสนิมขุมที่กัดเกาะติดอยู่ในหัวใจของคนทั้งชาติไปแล้ว โดยเฉพาะการโกงกิน คอร์รัปชั่น และ ความอิจฉาริษยา แล้วประเทศจะเหลืออะไร ความขัดแย้งแบ่งฝ่ายกับทวีมากยิ่งขึ้น
ผมขอฝากถึงผู้อ่านทุกท่านและผู้ปกครองบ้านเมือง เรามาช่วยกันเยียวยารักษาโรคดังกล่าว ด้วยการสร้างจิตสำนึก เพื่อร่วมกันปรับเปลี่ยนประเทศให้กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่แบบเดิมๆ นะครับ
…...............................
source: http://www.dailynews.co.th/article/502794
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments