loading...
จากกรณีที่เป็นคดีสะเทือนใจ เมื่อ”นายเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม” อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย ถูกมือปืนลอบสังหาร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ต.ค. 56 ซึ่งภายหลัง ตำรวจได้เร่งตามสืบสวนและแกะรอยจนสามารถจับกุมคนร้าย คือเจ๊แหม่ม เป็นคนรับงานและจัดหามือปืน กระทั่งสืบสาวจนหาตัวผู้จ้างวานได้ ซึ่งก็เป็นคนใกล้ตัวก็คือ”นางสุรางค์ ดวงจินดา” แม่ของ “พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ” หรือ “หมอนิ่ม” ภรรยาของนายจักรกฤษณ์ โดย นางสุรางค์ อ้างว่าแรงจูงใจการก่อเหตุมาจากการที่ นายจักรกฤษณ์ ทำร้ายลูกสาวจนถึงขั้นแท้งลูก
ทั้งนี้ทำให้คดีนี้ได้รับความสนใจในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะมือปืนได้ก่อเหตุแบบอุกอาจกลางถนนในที่คนพลุกพล่านและในที่สาธารณะ และประกอบด้วยผู้ที่จ้างวานฆ่านั้นดันกลายเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุด ทั้งยี้เรามาย้อนดูลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใดจนนำมาซึ่งเมียสั่งฆ่าผัวตัวเอง
เมื่อวันที่ 11 ก.ค.56 นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม แม่ของเอ็กซ์ และ พญ.นิธิวดี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกเอ็กซ์ทำร้ายร่างกายและใช้ปืนข่มขู่ โดยอ้างว่า เอ็กซ์ติดยาไอซ์อย่างหนักจนประสาทหลอน ขณะที่ทางด้าน เอ็กซ์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยเสพยาจริง แต่ปัจจุบันได้เลิกหมดแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นแค่หึงหวงเท่านั้น
วันที่ 12 ก.ค.56 เจ้าหน้าตำรวจได้บุกค้นบ้านของนายเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ โดยพบมีวัสดุคล้ายเครื่องเสพสารบางอย่าง และที่บรรจุสารบางอย่างทั้งเก่าและใหม่จำนวนมากจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนนำไปตรวจสอบ อีกทั้งพบปืนออโตเมติก 2 กระบอก บรรจุเครื่องกระสุนปืน , ปืนลูกซองยาว 1 บอก, ปืนยาวคล้ายปืน เอ็ม 16 อยู่ในตู้ 1 กระบอก และข้างเตียงนอนพบมีดสปาร์ต้า 1 เล่ม ซึ่งตรงตามที่ พญ.นิธิวดี แจ้งว่าถูกใช้มีดเล่มดังกล่าวข่มขู่ ทั้งนี้วันที่13 ก.ค.56 ตำรวจจับกุมตัว เอ็กซ์ พร้อมตั้ง 4 ข้อหา ทั้งพยายามฆ่าผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำความรุนแรงในครอบครัว พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะกลับไปทำร้ายหรือข่มขู่พยาน และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว เอ็กซ์ จากห้องขังนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี โดยแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 4 ข้อหา คือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการใช้กำลังขู่เข็ญ และขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน รวมทั้งสิ้น 8 ข้อหา เพิ่มพร้อมคัดค้านการประกันตัว
วันที่ 18 ก.ค.56 นายเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เข้าแจ้งความ ภรรยาลักลอบขนทรัพย์สินมูลค่า 60 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวอยู่ในคุก เร่งเอาเรื่องธนาคารกสิกรไทย สุขาภิบาล 3 เนื่องจากให้คนที่ไม่ใช่ตนเองเปิดเซฟ และยังไม่สามารถติดตามทรัพย์สินคืนมาได้
และในเวลาต่อมานายเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ บอกคิดถึงลูก อยากได้รับการประกันตัว ด้าน โอภาส รุ่นพี่ทีมชาติ เผยหลังเยี่ยม เตรียมยื่นอุทธรณ์อีกรอบ 2 หลักทรัพย์ราว 6-7 ล้านบาท พร้อมตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ล่าสุดศาลทหารติดต่อไปดำเนินคดีต่อ เนื่องจาก เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ มียศ จ่าสิบเอก
วันที่ 19 ส.ค.56 คดีถูกโอนไปยังศาลทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม และมีการยื่นขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 4 กระทั่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัว เอ็กซ์ ชั่วคราว หลังจากหมอนิ่มคัดค้านมา 3 ครั้งและหลังที่ออกจากเรือนจำแล้ว เอ็กซ์ ได้ปรึกษาปัญหาครอบครัวและเคยเปรยกับพยานสำคัญรายหนึ่งว่า “จะมีลมหายใจอยู่ถึงเมื่อไรยังไม่รู้” ส่วนทางคนในครอบครัวของหมอนิ่มเองก็เคยทะเลาะเบาะแว้งกับ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ทั้งเคยชี้หน้าด่าทอและเคยถูกขู่ฆ่าเอาชีวิตกันด้วย พยานปากสำคัญ ยังเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกว่า ในครอบครัวของหมอนิ่ม จะมี “แม่ใหญ่” ซึ่งเป็นแม่ของพี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่ม ที่หมอนิ่มเคารพนับถือ โดยเอ็กซ์ ได้ทะเลาะกับหมอนิ่มหลายต่อหลายครั้ง และพยายามจะขอคืนดีด้วย แต่หมอนิ่มไม่ยอม ด้านเอ็กซ์ จึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากแม่ใหญ่ เมื่อแม่ใหญ่รับปากว่าจะช่วยให้ทั้งคู่คืนดีกัน แต่ฝั่งแม่ใหญ่ลืมกดวางสายโทรศัพท์ ทำให้เอ็กซ์ ได้ยินว่าแม่ใหญ่คุยกับคนในครอบครัวด่าทอตนอย่างเสียหายและมีการวางแผนกำจัดให้พ้นออกไปจากครอบครัว อีกทั้งยังมีการพูดถึงทรัพย์สินหลายอย่างด้วย ทำให้เอ็กซ์เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เดินทางไปอาละวาดที่บ้านแม่ใหญ่ทันที และได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้ากูพกปืนได้เหมือนเมื่อก่อน พวกมึงจบไปแล้ว”
ต่อมาเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ แจ้งความว่า ถูกภรรยาลักลอบขนทรัพย์สินในตู้นิรภัย ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล 3 ทั้งที่เคยตกลงกับธนาคารไว้แล้วว่า เอ็กซ์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเปิดตู้นิรภัยนี้ได้ แต่ทางธนาคารกลับยินยอมให้ภรรยาเข้าไปเปิดตู้โดยไม่ต้องเซ็นเอกสารใด ๆ เลย ดังนั้น จึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้เบื้องหลังพยายามจะดิสเครดิต แต่หมอนิ่มปฏิเสธข้อกล่าวหาลักทรัพย์จากตู้เซฟ โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ เอ็กซ์ เคยมอบกุญแจเซฟไว้ให้ 1 ดอก และอนุญาตให้ไขได้ตลอดเพราะถือเป็นทรัพย์สินร่วมกัน
จนวันที่ 19 ก.ย.59 นายเอ็กซ์ ได้ไปง้อหมอนิ่มพร้อมกับขอโทษ โดยมีนางปวีณา หงสกุล เป็นคนกลางเข้าไกล่เกลี่ย ซึ่งหมอนิ่มก็บอกว่าให้อภัย แต่ยังไม่ขอกลับไปอยู่ด้วย
จนมาถึงจุดที่พีกที่สุดก็คือวันที่นายเอ็กซ์โดนลอบสังหารในคืนวันที่ 19 ต.ค.56 โดยโดนคนร้ายประยิงเสียชีวิตคารถ ที่บริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ สุขาภิบาล 3 เขตมีนบุรี ซึ่งทางหมอนิ่ม พอได้รับรู้ข่าว ก็รีบมายังที่เกิดเหตุพร้อมช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวเอ็กซ์ ส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในเวลาต่อมา วันที่ 20 ต.ค.56 เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า คนร้ายที่ยิงเอ็กซ์ มีอยู่ 2 คน ได้แก่ คนขับ 1 คน และคนยิง 1 คน ใช้รถจักรยานยนต์ของผู้หญิง โดยที่คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพ เนื่องจากยิงไปที่จุดตายและเล็งที่เบาะคนขับเพียงอย่างเดียวและในขณะที่การสอบสวนหมอนิ่ม ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์คุยกับเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เรื่องปรับปรุงห้องนอนลูกที่บ้านพักซอยรามคำแหง 174 ซึ่งทางเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ก็ได้เรียกหมอนิ่มไปคุยที่บ้าน หลังนั้น แต่ว่าแม่หมอนิ่ม เห็นว่ามืดแล้ว ไม่น่าออกไป ดังนั้น เอ็กซ์ จึงขับรถจากบ้านพักซอยรามคำแหง 174 มาที่บ้านพักหมอนิ่มซอยรามคำแหง 162 แทน
ทั้งนี้ตำรวจเริ่มมุ่งเป้าการสังหารเอ็กซ์ ไปที่ปมพระเครื่อง เนื่องจากมีข่าวว่านำพระเครื่องไปขายให้หมอหรือคนมีสี โดยที่หมอนิ่มได้เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมว่า ไม่เคยรู้เรื่องปัญหาพระเครื่องของเอ็กซ์และไม่ติดใจการเสียชีวิต
วันที่ 26 ต.ค.56 ตำรวจเริ่มมุ่งเน้นไปที่ประเด็นครอบครัวอย่างชัดเจน เนื่องจากได้รับรายงานว่า ก่อนเสียชีวิต 4 วัน เอ็กซ์และหมอนิ่มมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง มีการพยายามทำร้ายหมอนิ่ม ด้วยเหตุนี้ ตำรวจจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า คนใกล้ตัวหมอนิ่มเป็นผู้บงการ เนื่องจากทนพฤติกรรมเอ็กซ์ ไม่ไหว
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ก่อนที่มือปืนจะยิงเอ็กซ์ จนเสียชีวิตนั้น ดูจากลักษณะแล้ว ไม่ใช่การสะกดรอยตาม แต่เป็นการส่งซิกและยิง นั่นหมายถึงว่า อาจจะเป็นคนในครอบครัวซึ่งรู้ความเคลื่อนไหวของเอ็กซ์ เป็นอย่างดี เป็นผู้บอกข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นพี่ชายต่างมารดาทั้ง 2 คนของหมอนิ่มก็ได้
วันที่ 5 พ.ย. 56 เจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งประเด็นการสังหารไปยังความขัดแย้งระหว่าง เอ็กซ์ และครอบครัวของหมอนิ่ม โดยออกหมายเรียกเครือญาติของ หมอนิ่มมาทำการสอบสวนมี 4 คน ประกอบด้วย พี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่ม นายโต้ง นายหนุ่ย และนายทหารอีกคนหนึ่ง และฝ่ายสืบสวนยังพบเบาะแสผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นทีมสังหารแล้ว นอกจากนี้ ยังพบว่า เอ็กซ์ รู้ตัวว่ามีคนปองร้ายก่อนเสียชีวิตประมาณ 1 เดือน จนต้องเปลี่ยนที่พักบ่อยครั้ง
วันที่ 9 พ.ย. 56 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้แถลงข่าวการจับกุมตัวนายจิรศักดิ์ กลิ่นคล้าย อายุ 33 ปี มือปืนลอบสังหาร เอ็กซ์ โดยยอมรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากทนายอี๊ด นายสันติ ทองเสน ด้วยค่าจ้าง 2 แสนบาท โดยแบ่งกับนายอ้น ธวัชชัย เพชรโชติ คนขับขี่รถจักรยานยนต์คนละ 1 แสนบาท ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป
วันที่ 10 พ.ย.56 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมชุดสืบสวนได้แถลงข่าวการจับกุม น.ส.วรพรรณภูรี มนตรีอารีกุล หรือ เจ๊แหม่ม ผู้จัดหาทีมสังหารนายจักรกฤษณ์ โดยให้การรับสารภาพว่ารับจ้างจาก นางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของพญ.นิธิวดี และพญ.นิธิวดี ในราคา 1.2 ล้านบาท โดย เจ๊แหม่ม สารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ 3-4 เดือน นางสุรางค์ได้มาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี เพราะลูกสาวถูกนายจักรกฤษณ์ทำร้ายเป็นประจำ จากนั้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ตนจึงพา นายสันติ ทองเสม หรือทนายอี๊ด ซึ่งมีความสามารถในการจัดหามือปืน ไปพบนางสุรางค์ที่โรงพยาบาล และต้องแอบคุยกัน เนื่องจากหมอนิ่มนอนพักรักษาตัวจากการแท้งลูกอยู่บนเตียง
loading...
วันที่ 11 พ.ย.56 นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่หมอนิ่มเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา โดยรับสารภาพว่าจ้างมือปืนฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จริง เพราะแค้นที่ลูกสาวโดนซ้อมบ่อย ๆ แม้ว่าในช่วงที่ลูกสาวท้องลูกคนที่ 3 อยู่ แต่ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ก็ยังทำร้ายจนทำให้แท้งลูก นอกจากนี้ เอ็กซ์ ยังเคยเอาปืนมาขู่ตนด้วย จึงทนไม่ไหว ภายหลัง ตำรวจ สน.มีนบุรี ให้ นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่หมอนิ่ม พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีเจตนาหลบหนี และเข้ามอบตัวเอง ซึ่งจากการสอบประวัติไม่เคยทำความผิด ส่วนนายสันติ หรือทนายอี๊ด ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นผู้ว่าจ้างและจัดหามือปืน ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และปฏิเสธว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ โดยยอมรับว่า รู้จักเจ๊แหม่มจริง เพราะเคยทำคดีเกี่ยวกับหนี้สินให้ แต่ไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว ส่วนนายจิรศักดิ์ที่เป็นมือปืนนั้น ก็เคยเจอกันจริง แต่ส่วนตัวไม่รู้ว่านายจิรศักดิ์ประกอบอาชีพอะไร พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยพบ หรือรู้จักมารดาของหมอนิ่มมาก่อนแต่อย่างไรก็ตาม ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่อนุญาตให้ประกันตัวทนายอี๊ด เนื่องจากกลัวจะออกไปข่มขู่พยาน


จนวันที่ 10 ส.ค. 57 รวบเพิ่มอีก 1 ในทีมยิง เอ็กซ์ คือนายธวัชชัย เพชรโชติ ยอมรับสารภาพทำหน้าที่ขับรถ จยย. ให้มือปืน ระบุ ทนายอี๊ด ติดต่องานให้ ได้ค่าจ้าง 2 แสน ตำรวจค้านประกันตัว
วันที่ 3 ธ.ค.57 ศาลสั่ง พ่อเอ็กซ์ และหมอนิ่ม เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ขณะที่ พ่อเอ็กซ์ เตรียมยื่นอุทธรณ์ พร้อมเผยคดี หมอนิ่ม นำตู้เซฟไปจากธนาคารยังไม่คืบ แถมถูกห้ามพบหน้าหลาน
และล่าสุดวันที่ 19 ธ.ค.59 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.383/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลจังหวัดมีนบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจิรศักดิ์ กลิ่นคล้าย (มือปืน) นส.สุรางค์ ดวงจินดา , พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ , นายสันติ ทองเสม (ทนายความ) และนายธวัชชัย เพชรโชติ(ผู้ขี่จยย.พามือปืนก่อเหตุ) เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและจ้างวานใช้ ยุยงส่งเสริมให้ฆ่าและพกพาอาวุธปืน ยิงอาวุธปืนในที่ทางสาธารณะ ตามฟ้องของอัยการโจทก์เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือน ส.ค.-19 ต.ค. 56 จำเลยที่ 2-4 ได้ร่วมกันจ้างวานใช้นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ระหว่างหลบหนี ให้ฆ่านายจักรกฤษณ์ ซึ่งต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตกาเรฟ ขนาด 7.62 ม.ม. ยิงนายจักรกฤษณ์หลายนัด เข้าที่หน้าอก หัวใจ ปอด จนถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของพวกจำเลย ก่อนหลบหนี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมจำเลยได้ ชั้นสอบสวนนายจิรศักดิ์ และ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 1-2 ให้การภาคเสธ ส่วน พญ.นิธิวดี และนายสันติ จำเลยที่ 3-4 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี เหตุเกิดที่แขวงและเขตมีนบุรี กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
ชั้นพิจารณาของศาล จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ โดยระหว่างการพิจารณาคดี น.ส.สุรางค์ กับพญ.นิธิวดี และนายสันติ จำเลยที่ 2-4 ได้ประกันตัวไปคนละ 5 แสนบาท คดีสืบพยานเสร็จสิ้น เมื่อเดือน ก.ย. 59 ที่ผ่านมา
โดยศาลเบิกตัว นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 และนายธวัชชัย จำเลยที่ 5 จากเรือนจำ ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวตลอดการพิจารณาคดี ส่วน น.ส.สุรางค์ กับ พญ.นิธิวดี และนายสันติ จำเลยที่ 2-4 มาศาลตามนัด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1,3,4 และ 5 กระทำผิดจริง พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต
นายจิรศักดิ์ (มือปืน) จำเลยที่ 1 พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว
นายธวัชชัย (ผู้ขี่จยย.) จำเลยที่ 5 ให้จำคุกตลอดชีวิต
นายสันติ จำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว
ส่วน น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 พยานหลักฐานยังมีเหตุสงสัยให้ยกฟ้อง
ในเวลาต่อมานายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความของหมอนิ่ม เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เดิมซึ่งเป็นเงิน 5 แสนบาทและเพิ่มหลักทรัพยใหม่อีก 2 ล้านบาท รวมเป็น 2.5 ล้านบาทพร้อมยื่นหนังสือเดินทางเป็นหลักประกันว่าจะไม่หลบหนี อย่างไรก็ตามศาลจังหวัดมีนบุรี พิเคราะห์แล้วเห็นว่า สมควรส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป ดังนั้น พญ.นิธิวดี จึงต้องถูกควบคุมตัวไว้เพื่อส่งเข้าเรือนจำพิเศษมีนบุรีแดนหญิงต่อไป ส่วนคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่า จะอนุญาตให้ประกันตัวหมอนิ่มหรือไม่นั้น คาดว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน จึงส่งมาอ่านที่ศาลจังหวัดมีนบุรีได้
loading...
แหล่ง: seerada
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments