เผยใช้เครื่องจับเท็จสอบ 3 จนท.ดีเอสไอ รับผิดชอบ "ธวัชชัย" ผู้ต้องหาผูกคอดับแล้ว แนะดึงญาติเข้าร่วมสังเกตุการณ์ทุกขั้นตอน เพื่อความโปร่งใส พร้อมประสานผู้เชี่ยวชาญนิติเวช รพ.ดัง ร่วมคลายปมเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมถึงความผิดปกติในการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตพนักงานที่ดินทุจริตออกโฉนด จ.ภูเก็ต พังงา ผู้ต้องหาระหว่างถูกควบคุมตัวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดยุติธรรมได้รายงานถึงแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยจะเชิญหน่วยงานกลางมาร่วมตรวจสอบ ไม่ได้มีเพียงดีเอสไอเป็นผู้ตรวจสอบฝ่ายเดียว ทั้งนี้ป้องกันไม่ให้เกิดข้อครหา ในส่วนดีเอสไอที่ผ่านมามีการใช้เครื่องจับเท็จสอบสวนผู้เกี่ยวข้องในการควบคุมตัวผู้ต้องหารวม 3 รายแล้ว แต่ไม่ได้เชิญญาติเข้าร่วมสังเกตการณ์ ตนจึงได้กำชับดีเอสไอว่าหากขั้นตอนใดสามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงได้และไม่เป็นอันตรายก็ควรเชิญญาติมาร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ด้วย ส่วนกรณีการผ่าพิสูจน์ศพซ้ำ ตนเป็นผู้ท้วงติงไปว่า เหตุใดทางญาติจึงจะเร่งรีบเผาศพหลังเสียชีวิตเพียง 1 วัน เนื่องจากคดียังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย ดังนั้นควรเก็บรักษาศพไว้ก่อนหรือญาติจะนำส่งศพให้หน่วยอื่นตรวจสอบซ้ำก็เป็นเรื่องที่ทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวดีเอสไอต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะให้ใครรับผิดชอบ รับผิดชอบเรื่องอะไรเขาทำอะไรผิดหากเป็นกรณีผู้ต้องหาผูกคอตายแล้วเจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตแล้วซี่โครงหักก็ไม่มีความผิด เขาต้องรับผิดชอบหรืออย่างไร เพราะเป็นการช่วยชีวิต แต่หากดีเอสไอไปทำให้เขาตายอย่างที่สังคมเคลือบแคลงก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย หากการปั๊มหัวใจเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายก็ต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาอธิบายทำความเข้าใจกับสังคม
ด้านปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องหาระหว่างถูกควบคุมอีกคณะหนึ่งโดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้จะทำหนังสือเชิญแพทย์ด้านนิติเวชจาก รพ.ต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษา และให้ญาติรับฟังทุกขั้นตอน ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากญาติในการส่งศพผู้ต้องหามาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเก็บศพของรพ.ธรรมศาสตร์รังสิต เนื่องจากญาติยังไม่ประสงค์จะเผาศพ จึงเกรงว่าหากเก็บไว้ที่วัดจะทำให้สภาพศพเสียหาย ส่วนการผ่าศพซ้ำอาจไม่มีความจำเป็น
ขณะที่พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีการประสานญาติเพื่อนำศพมาผ่าพิสูจน์หลังจากใบแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ของนิติเวชของตำรวจระบุตับแตกว่า เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัยและความสบายใจของญาติผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ดีเอสไอจึงประสานหน่วยงานกลาง ประกอบด้วยแพทย์จากรพ.จุฬาฯ รพ.ศิริราช และ รพ.รามาธิบดี ให้ช่วยทำการพิสูจน์ โดยดีเอสไอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนการตรวจสอบภายในของหน่วยงานก็ยังดำเนินการอยู่ และพร้อมจะชี้แจงให้ทุกฝ่ายรับทราบพร้อมกัน ทั้งนี้ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า กล้องวงจรปิดหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหาเสียว่าไม่เป็นความจริง กล้องวงจรปิดยังอยู่และเปิดใช้งานได้ปกติ และพร้อมเปิดเผยทุกฝ่ายเพราะหากให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดดูก็จะเกิดข้อครหาว่าเลือกปฎิบัติได้..
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวดีเอสไอต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะให้ใครรับผิดชอบ รับผิดชอบเรื่องอะไรเขาทำอะไรผิดหากเป็นกรณีผู้ต้องหาผูกคอตายแล้วเจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตแล้วซี่โครงหักก็ไม่มีความผิด เขาต้องรับผิดชอบหรืออย่างไร เพราะเป็นการช่วยชีวิต แต่หากดีเอสไอไปทำให้เขาตายอย่างที่สังคมเคลือบแคลงก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย หากการปั๊มหัวใจเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายก็ต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาอธิบายทำความเข้าใจกับสังคม
ด้านปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องหาระหว่างถูกควบคุมอีกคณะหนึ่งโดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้จะทำหนังสือเชิญแพทย์ด้านนิติเวชจาก รพ.ต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษา และให้ญาติรับฟังทุกขั้นตอน ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากญาติในการส่งศพผู้ต้องหามาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเก็บศพของรพ.ธรรมศาสตร์รังสิต เนื่องจากญาติยังไม่ประสงค์จะเผาศพ จึงเกรงว่าหากเก็บไว้ที่วัดจะทำให้สภาพศพเสียหาย ส่วนการผ่าศพซ้ำอาจไม่มีความจำเป็น
ขณะที่พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีการประสานญาติเพื่อนำศพมาผ่าพิสูจน์หลังจากใบแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ของนิติเวชของตำรวจระบุตับแตกว่า เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัยและความสบายใจของญาติผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ดีเอสไอจึงประสานหน่วยงานกลาง ประกอบด้วยแพทย์จากรพ.จุฬาฯ รพ.ศิริราช และ รพ.รามาธิบดี ให้ช่วยทำการพิสูจน์ โดยดีเอสไอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนการตรวจสอบภายในของหน่วยงานก็ยังดำเนินการอยู่ และพร้อมจะชี้แจงให้ทุกฝ่ายรับทราบพร้อมกัน ทั้งนี้ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า กล้องวงจรปิดหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหาเสียว่าไม่เป็นความจริง กล้องวงจรปิดยังอยู่และเปิดใช้งานได้ปกติ และพร้อมเปิดเผยทุกฝ่ายเพราะหากให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดดูก็จะเกิดข้อครหาว่าเลือกปฎิบัติได้..
credit: dailynews
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments