มีงานวิจัยพบว่ากลุ่มที่ใช้สารสกัดจากกัญชาจะช่วยให้ร่างกายมีความไวต่ออินซูลินมากขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์เทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้ ฉะนั้นถือว่าช่วยลดน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง
คำว่า “อ้วน” พูดเบาๆ ก็เจ็บ...และคงไม่มีใครอยากได้ยินคำทักทายนี้สักเท่าไหร่ หลายคนจึงพยายามสรรหาวิธีลดน้ำหนักสารพัดวิธีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง กินยาลดความอ้วน ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ไม่ช่วยให้ผอมลงเลย แถมกินอาหารเข้าไปนิดเดียวก็ “อ้วน” แล้ว
ใครที่มีความรู้สึกแบบนี้ ให้คิดเสียใหม่ว่า...มันไม่ใช่ความรู้สึก แต่มันคือเรื่องจริงที่เราควรทราบ เพราะในบรรดา กลุ่มคนที่เป็น “โรคอ้วน” ลดน้ำหนักอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จนั้น นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย ให้ความรู้ว่า จากสถิติที่ศึกษางานวิจัยพบว่ากลุ่มคนที่พยายามลดน้ำหนักมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เผลอกินอาหารมากไปจนน้ำหนักขึ้นมา 2-3 กิโลกรัม หากมีการออกกำลังกายก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้
แต่อีกกลุ่มที่พยายามอดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหนัก และกินยาลดความอ้วนอย่างไร น้ำหนักก็ไม่ลงเลย ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ เราเรียกว่า “กลุ่มอ้วนดื้อด้าน” เป็นอาการของคนอ้วนที่ผิดปกติ เกิดจากเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมีภาวะตอบสนองไวหรือดื้อกับอินซูลิน ถ้าเราไม่แก้ไขสภาวะนี้ จะทำให้ลดความอ้วนไม่เป็นผลสำเร็จ!!
การตรวจสภาวะตอบสนองไวหรือดื้อกับอินซูลิน มี 2 ประการ คือ1. ตรวจวัดเลือดคนไข้ ซึ่งจะมีค่าไขมัน HDL ในผู้ชายจะต่ำกว่า 40 ส่วนในผู้หญิงจะต่ำกว่า 50 เป็นตัวชี้วัดว่าน่าจะมีปัญหาเป็นสภาวะดังกล่าว และ2. วัดรอบเอว ถ้าผู้หญิงเอวเกิน 35 นิ้ว และผู้ชายเกิน 40 นิ้ว เชื่อว่าจะมีปัญหาสภาวะนี้เช่นกัน ถือเป็นการวัดง่ายๆ
ดังนั้นใครมีเข้าข่ายเป็นสภาวะตอบสนองไวหรือดื้อกับอินซูลิน ควรจะปรับสมดุลร่างกาย ให้เหมือนการระบายน้ำในท่อไม่ให้อุดตัน ซึ่งอธิบายได้ง่ายๆ คืออาหารที่เรารับประทานเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ตัวที่จะนำไปใช้ ก็คือ “กล้ามเนื้อ” ถ้า “กล้ามเนื้อ” ทำงานดีก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเมื่อไหร่เรากินอาหารเข้าไปในร่างกายแล้ว “กล้ามเนื้อ” ไม่มีการนำไปใช้จะทำให้เกิดภาวะ “สารอาหารท่วมขัง” ซึ่งหากท่วมขังอยู่ในรูปแบบคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน ในปริมาณ 1 กรัม จะสามารถเก็บพลังงานได้ 4 แคลอรี่ แต่ถ้าเป็นไขมันจะเก็บได้ 9 แคลอรี่ ซึ่งใช้พื้นที่น้อยกว่า
ดังนั้น “สารอาหารท่วมขัง” เกิดจากเซลล์ขอองกล้ามเนื้อดื้อต่ออินซูลิน จะเกิดการสร้างเป็นไขมันขึ้นมาแทน และเก็บแทรกอยู่ที่อวัยวะบริเวณท้อง ได้แก่ ลำไส้ พุง ทำให้ท้องโตขึ้น หรือเรียกว่า “อ้วนพุงป่อง” แสดงให้เห็นว่าร่างกายมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการระบาย
เมื่อตัวที่จะชี้วัดว่าเราอ้วนหรือผอมอยู่ที่ความไวหรือความดื้อของอินซูลินของเซลล์ “กล้ามเนื้อ” นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามค้นคว้าว่าทำอย่างไรเซลล์ของเราจึงจะมีประสิทธ์ภาพ เรียกว่า การทำให้เซลล์กล้ามเนื้อมีความไว หรือไม่ดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งพบว่ามี 5วิธี ที่จะทำให้คนกลุ่ม “อ้วนดื้อด้าน” น้ำหนักลดลงได้
1. การออกกำลังกายตอนเช้า ขณะท้องว่าง เป็นงานวิจัยที่ระบุว่าช่วยได้ มีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ โดยนักวิจัยนำอาสาสมัคร 3 กลุ่ม มากินอยู่เหมือนกันหมด แต่แบ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายเลย กลุ่มที่ออกกำลังกายตอนเช้าขณะท้องว่าง และกลุ่มที่ทานข้าวเช้าและไปออกกำลังกาย ผลปรากฎว่าพบกลุ่มที่น้ำหนักลดมากที่สุด คือกลุ่มที่ออกกำลังกายตอนเช้าขณะท้องว่าง ติดลบ 6 ปอร์น ส่วนกลุ่มที่ออกกำลังกายหลังอาหารเช้าจะติดลบ 3 ปอร์น จึงชี้วัดว่าการออกกำลังกายตอนเช้า ร่างกายมีประสิทธิภาพจริง ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน การวิ่ง ฯลฯ
2. กินสารอาหารบางชนิดที่ทำให้ความไวของเซลล์ในร่างกายต่ออินซูลินดีขึ้น คือ กลุ่มไขมันอิ่มตัวแบบโมโน พบมากที่สุดใน “น้ำมันมะกอก” ที่เป็นเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น หรือ “น้ำมันมะกอก” ที่สกัดทางกลเท่านั้น เช่น การบีบเย็น และใน “น้ำมันงา” แต่น้อยกว่า “น้ำมันมะกอก” หากดื่มทุกเช้าประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำอุ่นผสมเลมอนจะเป็นอาหารเช้าจะดีมาก
3. การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมาก เช่น ผัก ข้าวกล้องต่างๆ ช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น
4. กลุ่มสารสกัดจากกัญชา ซึ่งมีงานวิจัยพบว่ากลุ่มที่ใช้สารสกัดจากกัญชาจะช่วยให้ร่างกายมีความไวต่ออินซูลินมากขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์เทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้ ฉะนั้นถือว่าช่วยลดน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งมีงานวิจัยในกลุ่มประเทศที่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ฮอลแลนด์ อุรุกกวัย พบว่าไม่มีใครเป็นเบาหวานหรือเป็นโรคอ้วน แต่ว่าไม่ได้ใช้ในเชิงการแพทย์
5.ใช้สารพรีไบโอติก เป็นธัญพืชที่ย่อยยากเพราะเป็นกาก แต่มีส่วนกระตุ้นจุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกาย หาได้จากสมุนไพร เช่น แก่นตะวัน ขิง ข่า กระชาย ซึ่งมีงานวิจัยว่านำอุจจาระคนอ้วนกับคนผอมไปให้หนูกิน หนูที่ได้รับจุลินทรีย์จากคนอ้วนก็จะอ้วน หนูที่ได้รับจุลินทรีย์จากคนผอมก็จะผอม แสดงว่าสารอาหารที่ทำให้เกิดพรีไบโอติก ทำให้ร่างกายมีจุลินทรีย์ที่แตกต่างกัน กลายเป็นตัวชี้วัดความอ้วน-ผอม
หากเราปฏิบัติได้ตามนี้ เชื่อว่าใครที่ป็น “โรคอ้วนดื้อด้าน” จะได้มีโมเม้น “ผอม” กันบ้างแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องครบทั้ง 5วิธี ยกเว้นการใช้ “สารสกัดจากกัญชา” เพราะต้องรอรัฐบาลอนุญาตเสียก่อน คาดว่าอีกไม่นานเกินรอ
credit: dailynews
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments