เพจทนายคู่ใจโพสต์แนะสาวโพสต์คลิปชายท่าวินรถตู้ช่วยตัวเอง เจตนาเตือนภัย แต่ไม่เซ็นเซอร์ มีความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ โทษหนักกว่าอนาจาร คดีพลิกฝ่ายชายแจ้งความกลับได้ ชี้ โพสต์คลิปประจานต้องเซ็นเซอร์
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นหญิงสาววัยรุ่นรายหนึ่งในจ.ปราจีนบุรี ได้โพสต์คลิปวีดีโอของชายรายหนึ่งที่กำลังช่วยตัวเองในที่สาธารณะ ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ส.ค. “เพจทนายคู่ใจ” ได้โพสต์ข้อความให้ความรู้ด้านกฎหมาย เกี่ยวเรื่องดังกล่าว ว่า ผู้โพสต์ที่มีเจตนาเตือนภัย กลับมีความผิดมากกว่าผู้กระทำอนาจารเสียอีก
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เจ้าของเพจทนายคู่ใจ ให้สัมภาษณ์กับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า การโชว์สรีระร่างกายไม่มีอะไรปิดบังร่างกาย ในที่สาธารณะ มีความผิดลหุโทษในกฎหมายอาญา มาตรา 388 ระบุว่า "ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อนหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท" ซึ่งการบันทึกวีดีโอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแจ้งความในการดำเนินคดีภายหลัง แต่เมื่อนำภาพหรือคลิปมาโพสต์ โดยที่ไม่ได้เซ็นเซอร์ ในทางกฎหมายอาญาตีนิยามได้ว่า เป็นเรื่อง “ลามกอนาจาร” ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 อนุ 4 นำเข้าข้อมูลลามกอนาจารสู่คอมพิวเตอร์ โทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้นคนที่โพสต์ก็มีความผิดและเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้อีกด้วย
“เข้าใจว่าผู้โพสต์ต้องการเตือนภัย แต่การเตือนภัยต้องไม่ผิดกฎหมาย การโพสต์ทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าเขาทำชั่ว เราทำดี แล้วจะโพสต์ได้ แชร์ประจานเขาได้ กฎหมายให้เราไปแจ้งความคนทำอนาจาร แต่กฎหมายไม่ได้บอกว่า เราจะไปประจานเขาได้ ต้องแยกความผิดกัน ถ้าผู้ชายในคลิปได้รับความเสียหาย หรือถูกออกจากงาน แล้วจะเอาเรื่องคืน ก็สามารถแจ้งความกลับได้ ผู้ชายคนนี้อาจจะเสียค่าเปรับแค่ 5,000 บาท แต่น้องผู้หญิงที่โพสต์อาจจะติดคุก เงินประกันตัวก็ต้องมี 100,000 บาท สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ทุกบาททุกสตางค์ และศาลก็อาจจะให้ด้วย สรุปน้องผู้หญิงคนนี้ ไม่ควรโพสต์ แต่ถ้าจะโพสต์ควรจะเซ็นเซอร์ คนไทยต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า การโชว์แบบนี้มันผิดกฎหมายอยู่แล้ว หากเกิดเหตุถูกกระทำอนาจารแบบนี้ผู้เสียหายนำหลักฐานเข้าแจ้งความ สน.ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อออกหมายเรียกมาปรับ จะได้ไม่ทำตัวแบบนี้อีก สิทธิตามกฎหมายทำได้เท่านั้น” นายรณณรงค์ กล่าว
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เจ้าของเพจทนายคู่ใจ ให้สัมภาษณ์กับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า การโชว์สรีระร่างกายไม่มีอะไรปิดบังร่างกาย ในที่สาธารณะ มีความผิดลหุโทษในกฎหมายอาญา มาตรา 388 ระบุว่า "ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อนหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท" ซึ่งการบันทึกวีดีโอเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานแจ้งความในการดำเนินคดีภายหลัง แต่เมื่อนำภาพหรือคลิปมาโพสต์ โดยที่ไม่ได้เซ็นเซอร์ ในทางกฎหมายอาญาตีนิยามได้ว่า เป็นเรื่อง “ลามกอนาจาร” ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 อนุ 4 นำเข้าข้อมูลลามกอนาจารสู่คอมพิวเตอร์ โทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้นคนที่โพสต์ก็มีความผิดและเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้อีกด้วย
“เข้าใจว่าผู้โพสต์ต้องการเตือนภัย แต่การเตือนภัยต้องไม่ผิดกฎหมาย การโพสต์ทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าเขาทำชั่ว เราทำดี แล้วจะโพสต์ได้ แชร์ประจานเขาได้ กฎหมายให้เราไปแจ้งความคนทำอนาจาร แต่กฎหมายไม่ได้บอกว่า เราจะไปประจานเขาได้ ต้องแยกความผิดกัน ถ้าผู้ชายในคลิปได้รับความเสียหาย หรือถูกออกจากงาน แล้วจะเอาเรื่องคืน ก็สามารถแจ้งความกลับได้ ผู้ชายคนนี้อาจจะเสียค่าเปรับแค่ 5,000 บาท แต่น้องผู้หญิงที่โพสต์อาจจะติดคุก เงินประกันตัวก็ต้องมี 100,000 บาท สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ทุกบาททุกสตางค์ และศาลก็อาจจะให้ด้วย สรุปน้องผู้หญิงคนนี้ ไม่ควรโพสต์ แต่ถ้าจะโพสต์ควรจะเซ็นเซอร์ คนไทยต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า การโชว์แบบนี้มันผิดกฎหมายอยู่แล้ว หากเกิดเหตุถูกกระทำอนาจารแบบนี้ผู้เสียหายนำหลักฐานเข้าแจ้งความ สน.ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อออกหมายเรียกมาปรับ จะได้ไม่ทำตัวแบบนี้อีก สิทธิตามกฎหมายทำได้เท่านั้น” นายรณณรงค์ กล่าว
create: dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments