หวยหุ้นไทยชุดเดียวแม่นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สลดใจ! นิทรรศการศิลป์หลุยส์ วิตตอง นำเอาเศียรพระพุทธรูปวางกับพื้น

Posted by   on

 

สลดใจ นิทรรศการศิลป์หลุยส์ วิตตอง นำเอาเศียรพระพุทธรูปวางกับพื้น ..
อาจารย์ อัจฉราวดี วงศ์สกล
..
โลกต้องเคารพสัญลักษณ์ของสิ่งที่พึงเคารพเช่นธงชาติ สัญลักษณ์ของศาสดาของทุกศาสนา การทำเช่นนี้ เพราะเขาเห็นว่าชาวพุทธอ่อนแอ ได้แต่ปล่อยปละละเลยไม่มีปากเสียง จึงทำอย่างไรกับสัญลักษณ์ของพระบรมศาสดาก็ได้ การนำเสนอโดยอ้างว่าเพื่อสะท้อนความเสื่อมของพุทธศาสนา ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนำสัญลักษณ์มาย่ำยีเช่นนี้ เพราะเป็นการชี้นำให้ผู้อื่นทำตาม
ศิลปินต้องมีจิตที่ละเอียด พิจารณาอย่างรอบคอบ และไม่เสนองานศิลปะออกมาเหยียบย่ำหัวใจผู้อื่น
ในฐานะประธานองค์กร โนอิ้ง บุดด้า อาจารย์ขอเชิญชวนชาวพุทธออกมาทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธเจ้า หลังเห็นภาพงานแสดงนิทรรศการศิลป์ โดยหลุยส์ วิตตอง (Louis Vitton) นำเอาเศียรพระพุทธรูปยักษ์มาแสดงโดยวางไว้บนพื้น ทางมูลนิธิหลุยส์ วิตตองซึ่งดำเนินงานโดยห้องเสื้อชั้นสูงชื่อเดียวกัน กำลังจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินชาวจีน 11 คน มาแสดง โดยธีมของคอลเลคชั่นงานศิลป์ ครั้งนี้คืองานศิลปะจีนร่วมสมัย โดยหนึ่งในผลงานที่แสดงคือภาพเศียร พระพุทธรูปยักษ์แกะสลักในลักษณะที่ผุกร่อนและเอียงกระเท่เร่ โดยพระเศียรนี้ได้ถูกนำมาแสดงโดยวางอยู่บนพื้นห้องแสดงงานในระดับเดียวกับ ผู้เข้าเยี่ยมชม
ทีมงานมูลนิธิโนอิ้ง บุดด้าเตรียมส่งหนังสือร้องเรียน ถึง สถานทูตไทยในกรุงปารีส และถึงนาย Bernard Arnault ประธานมูลนิธิ และบริษัทหลุยส์ วิตตองในประเทศไทย เรียกร้องให้ยกเลิกการนำ พระเศียรออกแสดง รวมทั้งขอให้ชาวพุทธผู้ชื่นชมและหลงใหลสินค้าของผู้ผลิตนี้ ได้ตระหนักในหน้าที่ของตนในฐานะชาวพุทธ คุณกำลังให้การสนับสนุนกับบริษัทที่รู้จักไตร่ตรองและมีจิตสำนึกที่ดีงาม หรือไม่.....และคุณควรมีคำตอบให้แก่ตัวเองว่า คุณควรมีจุดยืนอย่างไรต่อไปกับหลุยส์ วิตตอง หากเขายังไม่หยุดการกระทำนี้ หรือจะท่องคำว่า ปล่อยวาง ที่ถูกบิดความหมายกลายเป็น ตัวใครตัวมัน ธุระไม่ใช่
...
หลายครั้งที่เราเห็นคนทำงานศิลปะ อ้างความเป็นศิลป์โดยขาดการยั้งคิด และการเคารพวัฒนธรรมของผู้อื่น สิ่งที่อาจารย์ก่อตั้งองค์กรโนอิ้ง บุดด้า คือการต่อสู้กับจิตสำนึกด้านมืดของมนุษย์ มันคือ Good Force ที่ต้องสู้กับ Dark Force เป็น Star War ของจริง เพราะเราสู้กับพลังจิตสำนึกที่มืดบอด เราสู้โดยการปลุกจิตสำนึกเขาขึ้นมา.....บางทีเขาอาจลืมคิดไป หากเป็นเช่นนั้น นี่คือคำเตือน หรือบางครั้ง เขาอาจจะมืดบอดจนเกินกว่าจะเข้าใจคำว่า
การเป็นมนุษย์นั้นจะใช้ชีวิตอย่างไร้กฎเกณฑ์และจริยธรรมไม่ได้
วิถีการใช้ชีวิตตามใจชอบ ขาดจริยธรรม
เป็นวิถีของสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่ามนุษย์
..
ศิลปะ จะอยู่เหนือจิตสำนึกที่ดีงามไม่ได้
คำว่า ศิลปะ ไม่ได้แปลว่า การมีอภิสิทธิ์ในการทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
ศิลปะ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเคารพผู้อื่น
หาไม่แล้ว เป็นเพียงข้ออ้างในการแสดงออก
เพื่อสนองตัณหาของตนเท่านั้น
..
มาช่วยกันยับยั้งและแก้ไข
.
ในขณะที่เราต้องการปลุกจิตสำนึกของผู้ที่ลบหลู่ ตัวเราก็พึงปลุกจิตสำนึก
ของการไม่ปล่อยปละละเลยของเราเช่นกัน เพราะชาวพุทธอ่อนแอมาก เขาจึงทำกับเราถึงขนาดนี้ มาเถิดมาช่วยแก้ไขความมืดบอดของโลก ด้วยจิตที่ตื่นแล้วของเรา ช่วยกันส่งต่อข้อความนี้ไปให้มากๆ เพื่อปลุกผู้มืดบอดให้ตื่น ให้เห็นพลังของพุทธแท้ และไปสนับสนุนแคมเปญการหยุดยั้งการลบหลู่นี้ที่เพจ 5000s.org แล้วทุกคนจะภูมิใจว่า เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมปกป้องพระพุทธศาสนา
อย่างที่กล่าวไว้ ฆราวาสต้องเป็นผู้คำ้ยันพระพุทธศาสนา อย่าหวังพึ่งคนอื่น
สมเด็จพระสังฆราช พระญาณสังวร ได้ตรัสไว้ว่า ไม่มีบุญใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่า บุญในการปกป้องค้ำชูพระพุทธศาสนา
ได้เวลาที่เราต้องทำหน้าที่สำคัญยิ่งแล้ว
..
อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล
6 มิถุนายน 2559
...

เครดิต : อาจารย์ อัจฉราวดี วงศ์สกล
 ----------------------------------
ขออนุญาตอัพเดท ความเห็นอีกมุมหนึ่ง ของคนแวดวงศิลปะ จากคุณ Don Jumsai ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้น่าสนใจทีเดียวครับ
 
 พอมีกระแสในเน็ตออกมา ผมก็อยากรู้ว่าจริงๆแล้ว ผลงานเศียรพระพุทธรูปชิ้นนี้ ศิลปินต้องการสื่อถึงอะไร จะเป็นการลบหลู่อย่างที่ในเว็บหนึ่ง "กล่าวหา" จริงหรือเปล่า ในฐานะที่เป็นผู้ศรัทธาและฝึกฝนในพระศาสนา (แม้จะปลายแถว) และเป็นคนทำงานสายศิลปะด้วย
.
ผมเสิร์ชดู ก็พบว่า ผลงานนี้จัดโดย มูลนิธิหลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton Foundation) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและศูนย์วัฒนธรรม โดยเป็นหนึ่งในผลงานภายในนิทรรศการที่มีชื่อว่า "Bentu: Chinese artists in time of turbulence and transformation" แปลเป็นไทยว่า "เปิ๋นถู่ : ศิลปินจีนในช่วงเวลาแห่งความโกลาหล และการแปรเปลี่ยน" คำว่า "เปิ๋นถู่" ในที่นี้แปลว่า "บ้านเกิดเมืองนอน" "ดินแดน" หรือ "ท้องถิ่น" ทว่าบริบทในที่นี้ มันไม่ได้หมายความถึงเพียงแค่ "ความเป็นชาตินิยมจีนของศิลปินจีนผู้สร้างงานเหล่านี้" แต่หมายถึง "ปฏิสัมพันธ์ระหว่างความคิดท้องถิ่นและความคิดของโลก เพื่อก่อเกิดอัตลักษ์ใหม่"
.
ศิลปินที่ร่วมแสดงงานในครั้งนี้ ประกอบด้วย หวงหย่งผิง, จางหวน, และ อ้ายเว่ยเว่ย อะโห แต่ละชื่อ รับประกันคุณภาพครับ... แต่เดี๋ยวนะครับ ผมไม่ได้มารีวิวนิทรรศการทั้งหมด เพราะประเด็นของเราอยู่ตรงผลงานรูปเศียรพระที่วางบุบพังอยู่บนพื้น งั้นมาดูกันแต่เรื่องนี้ละกันนะครับ (ส่วนท่านใดสนใจจะอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิทรรศการนี้ทั้งหมด ก็ลองเสิร์ชจากชื่อภาษาอังกฤษข้างบนนะครับ)
.
ผลงานชิ้นนี้ชื่อว่า "Long Island Buddha" โดยศิลปิน จางหวน สร้างขึ้นในปี 2010-2011 และเคยแสดงมาแล้วหลายที่ ในส่วนตัวผมเอง แต่แรกที่เห็นภาพก็ไม่ได้คิดและรู้สึกเลยว่างานชิ้นนี้แสดงการลบหลู่อะไร เพราะมันไม่มีองค์ประกอบใดๆของงานที่บ่งบอกว่าเป็นการลบหลู่ เช่น มันไม่มีเท้ามาเหยียบ ไม่มีสัดส่วนอันขบขันเสียดสี แต่ที่เห็นและปะทะด้วยสายตามากที่สุดนั่นก็คือ เศียรพระนี้บุบพัง ไม่ใช่เศียรสมบูรณ์ เอ...มันหมายความว่าอย่างไร ท่านผู้อ่านลองคิดเล่นๆตรงนี้ก่อนมั้ยครับ ติ๊กต็อกๆๆๆ
.
ผมค้นหาข้อมูลผลงานชิ้นนี้ของแล้วก็เป็นดังที่ผมคิด ใบ้ให้คำนึงผมว่าท่านก็ถึงบางอ้อ...
"ปฏิวัติวัฒนธรรม" ครับ
.
ศิลปินจางหวนเดินทางไปทิเบตในปี 2005 ที่นั่นเองเขาได้พบกับเศษซากชิ้นส่วนของพระพุทธรูปจำนวนมากที่ถูกทำลายในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมเมื่อกลางยุค 60 เขาได้เก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นมาและพบว่ามันมีผลต่อความรู้สึกของเขา มันเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์และศาสนา ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงได้สร้างเศียรพระขนาด 172 x 227 x 177 ซม.นี้ขึ้นจากทองแดง และทำให้มีลักษณะของการผุกร่อนบุบพัง วางลงบนพื้นโดยตรง ผลงานชิ้นนี้ของเขาจึง "ไม่ได้" เป็นรูปเคารพทางศาสนา แต่มุ่งหมายให้เป็นการสะท้อนความรุนแรงอันไม่รู้จบของมนุษย์ที่นำไปสู่การทำลายล้างวัฒนธรรม
.
หน้ามือเป็นหลังมือเลยนะครับ จากกระแสที่ว่าศิลปินลบหลู่พระพุทธรูป กลายเป็นว่าศิลปินสร้างผลงานมาจากความรู้สำนึกในคุณค่าของพระพุทธรูปและศิลปะวัฒนธรรมที่ถูกทำลาย และจึงสร้างผลงานขึ้นมาเพื่อสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่อที่ผู้คนในปัจจุบันจะได้ไม่พลาดพลั้งต่อ "ความรุนแรง" "ความยั่วยุ" จนก่อเกิดเป็นการทำลายกันและกัน
.
ผมไม่ติดขัดอะไรกับการรณรงค์เรียกร้องให้เคารพในพระพุทธรูป หรือสัญลักษณ์ของชาวพุทธ เพราะผมเองก็สวดมนต์ไหว้พระอยู่ทุกวัน แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักเมื่อเห็นชาวพุทธออกมาก่นด่าโดยใช้อารมณ์ทั้งที่ไม่ทราบความหมายและจุดมุ่งหมายของผู้สร้างผลงาน บางท่านถึงขนาดสาปแช่งศิลปินให้ตายตกกันเลยทีเดียว...นี่คือท่าทีของชาวพุทธหรือ?
.
ท้ายนี้ ในฐานะชาวพุทธ ผมอยากให้ทุกท่านค่อยๆ รับฟังเหตุผล ตัดสินด้วยเหตุผล พิจารณาด้วยความแยบคายก่อนที่จะ "เชื่อ/ไม่เชื่อ" ในสิ่งใดๆ ตรงตามหลักแห่งกาลามสูตร และในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงศิลปะ ผมอยากเชิญชวนทุกท่านค่อยๆลองมองสิ่งต่างๆ ในแง่มุมที่แตกต่างออกไปจากที่เราคุ้นเคย เพื่อที่เราอาจเรียนรู้และเปิดกว้าง เพื่อที่เราอาจได้รับความ "งาม" จากทั้งสิ่งที่เราเห็นว่างาม และสิ่งที่เราเห็นว่าไม่งาม มากล่อมเกลาจิตใจให้ "สูง" ได้เสมอกัน

 



source: MThai News

ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments

Hey, we've just launched a new custom color Blogger template. You'll like it - LONGKING DAILY
Join Our Newsletter