จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์คลิป หนุ่มอ้างตัวเป็นสารวัตร พกปืนขู่ หลังขับปาดหน้ารถคู่กรณี แล้วจอดกลางถนน จากนั้น ลงจากรถเดินตรงเข้าไปหาคู่กรณีที่นั่งอยู่ภายในรถ พร้อมใช้คำพูดรุนแรงต่อว่าคู่กรณี รวมถึงระบุว่าตัวเองชื่อ “สารวัตรโจ้” จนคลิปดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

ความคืบหน้า นายกิตติศักดิ์ แซ่หว่อง อายุ 41 ปี อาชีพรับเหมาตกแต่งภายใน เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ทวีสิทธิ์ ชูศรี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง ว่าเป็นเจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าว และเป็นผู้ที่ถูกชายที่ปรากฏในคลิปถือปืนมาข่มขู่ โดยได้มอบคลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถให้กับเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐาน
นาย กิตติศักดิ์ เผยว่า ขณะที่ตนขับรถไปตามถนนพระราม 3 มุ่งหน้าถนนสีลม เมื่อถึงแยกถนนรัชดาภิเษกใต้สะพานแขวน จึงเลี้ยวขวามุ่งหน้าแยกสาธุประดิษฐ์ ขณะเดียวกันคู่กรณีขับรถเลี้ยวตามมาในระยะกระชั้นชิด ทำให้เกรงว่าจะเกิดเฉี่ยวชนกัน จึงรีบเร่งเครื่องแซงปาดหน้าขึ้นไปพร้อมยกมือ ขอโทษ แต่เมื่อถึงบริเวณใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ คู่กรณีเร่งเครื่องปาดหน้ากลับ พร้อมจอดรถกลางถนนก่อนลงมาในมือถือปืน แล้วตรงเข้ามาด่าว่าตามที่ปรากฏในคลิป
ด้าน พ.ต.ท.ดุสิต วาลีประโคน รอง ผกก.สส.สน.บางโพงพาง กล่าวว่า เบื้องต้นแล้วเชื่อได้ว่าผู้ชายที่ก่อเหตุไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่าง ใด กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบทะเบียนรถคันดังกล่าว เพื่อหาชื่อผู้ครอบครองรถ นำมาสอบสวนว่าใช่คนเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนผู้เสียหายพนักงานสอบสวนสอบปากคำไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยจะเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุให้เร็วที่สุด
ขณะที่ วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่ตำรวจ ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สน.บางโพงพาง เร่งสืบสวนสอบสวนและจับกุมตัวมาดำเนินคดี ล่าสุด ตรวจสอบแล้วพบว่าชายคนดังกล่าวเคยมีประวัติตามหมายจับค้างเก่าคดีชิง ทรัพย์ในเขตพื้นที่ปริมณฑล
ฝ่ายสืบสวนแจ้งว่า หลังตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนรถในภาพคลิบวิดีโอดังกล่าว พร้อมทั้งข้อมูลจากโซเชี่ยลมีเดียทำให้ทราบว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้เป็นตำรวจ แต่มีอาชีพขายเคสโทรศัพท์มือถืออยู่แถวห้างเทสโก้-โลตัส สาขาพระราม 3 มีประวัติถูกจับกุมหลายครั้ง โดยเมื่อเดือนก.ค. 2552 ก่อเหตุใช้ปืนและมีดจี้หญิงสาว 2 คน ภายในซอยสุขุมวิท 38 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ต่อมาปี 2553 ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บช. ภาค 3 จับกุม หลังแอบอ้างเป็นนายตำรวจยศร.ต.ท. นำยาบ้าปลอมมาจำหน่ายให้เจ้าหน้าที่ซึ่งปลอมตัวไปล่อซื้อ
ล่าสุด ทราบว่าตัวผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว อยู่ระหว่างการประสานให้เข้ามอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวภรรยาและคนสนิทของผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำแล้ว ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุคาดว่าเป็นอาวุธปืนปลอม เพราะชอบเอามาโชว์ในกลุ่มเพื่อน แต่คงต้องรอผลสรุปการตรวจสอบแน่ชัดอีกครั้งว่าเป็นอาวุธปืนจริงหรือไม่
source: MThai News
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments