วันนี้ (17 มิ.ย. 2559) เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายเข้าค้นและจับกุมพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถตรวจค้นได้เนื่องจากมีกลุ่มศิษยานุศิษย์นั่งขวางกั้นบริเวณประตูที่ 5
ทำให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นลักษณะของมวลชนขัดขวางการปฏิบัติงานนั้น สามารถออกหมายศาลได้หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นคนพูดจะดีกว่า และจากที่นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักการสอบสวนออกมาชี้แจงก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว
กรณีที่ศิษยานุศิษย์พระธัมมชโยระบุว่า พระธัมมชโยจะเข้ามอบตัวต่อเมื่อบ้านเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้น
นายวิษณุ กล่าวว่า รับทราบ แต่ไม่ให้ความเห็นอะไร ที่รับทราบเพราะเห็นจากข่าวที่มีคนเอาผ้าปิดปากแล้วยืนอ่านคำแถลงอยู่
ตามกฎหมายสามารถอ้างเหตุผลดังกล่าวได้หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า อ้างไม่ได้ และคงไม่น่าจะมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปชี้แจง อย่าว่าแต่จะตั้งเงื่อนไขอย่างนั้นเลย เงื่อนไขอื่นใดก็ตาม ก็ตั้งไม่ได้ทั้งนั้นกับการที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปใช้อำนาจตามกฎหมาย การที่ออกไปปฏิบัติตามหมายค้น การที่จะไปดำเนินการตามหมายจับ ทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายที่เขียนไว้อยู่แล้วว่าฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องทำอย่างไร มันมีกระบวนการของมันอยู่ ฉะนั้นใครจะมายกข้อแก้ตัวอื่นใดไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะบอกว่าไม่ว่าง รอโน่นรอนี่ รอฝนหยุด รอให้คนนั้นกลับมาจากเมืองนอก รอให้มีเงิน มันก็อ้างไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ใครจะยกคำอ้างมา ใครๆ ก็อ้างได้ แต่มันฟังไม่ขึ้น ซึ่งก็ไม่เป็นไรถ้าอ้างแบบนี้มา ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาก็ไม่ได้หวั่นไหวอยู่แล้ว เพราะเจอกันมาเยอะแล้วล่ะกับการไปปฏิบัติตามหมายคำสั่งศาลแล้วโดนคัดค้าน ขัดขวาง
หมายศาลมีอายุแค่วันเดียว ทางเจ้าหน้าที่จะขอใหม่ได้หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถขอได้ เพราะตอนต้นที่เจ้าหน้าที่ไปขอศาลก็ไม่อนุมัติ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำหลักฐานไปแสดงชัดเจนขึ้น ศาลก็ออกหมายให้ ถ้าหมายหมดอายุก็ขอใหม่ได้ ไม่แปลก จะขอทุกวันก็ได้
การที่ศิษยานุศิษย์ไปนั่งปิดวัดพระธรรมกายจะถือเป็นการขัดขวางเจ้าหน้าที่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ขอตอบคำถามนี้ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่พิจารณา ซึ่งตนเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะเห็นว่าพยายามจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างละมุนละม่อม ทำให้อาจไม่ถูกใจ ไม่สะใจใครบางคน แต่แน่นอนว่าผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมายเขาก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีผลเสียอยู่แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ดีว่าเป็นอย่างไร ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติอาจจะไม่รู้ ซึ่งจะแสดงความเห็นไปก็คงไม่มีใครว่า แต่ต้องเข้าใจหัวจิตหัวใจของเจ้าหน้าที่ด้วย
source: topicza.com
ไม่มีความคิดเห็น:
Write comments